วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

CN Discovery Talking Dictionary By E-PengPong

โปรแกรมพจนานุกรมพูดได้ (CN Discovery Talking Dictionary) เป็นโปรแกรมพจนานุกรมฉบับแรกบนพ็อกเก็ตพีซี และเป็นฉบับแรกบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาที่ออกเสียงคำศัพท์ได้ ผู้ใช้งานสามารถค้นหาคำศัพท์อย่างสะดวกรวดเร็วง่ายดาย พร้อมออกเสียงคำศัพท์ได้อย่างชัดเจน

คุณลักษณะโปรแกรม CN Discovery Talking Dictionary คือ
  • ออกเสียงคำศัพท์อย่างชัดเจน
  • พกพจนานุกรมหลายเล่มได้บนโปรแกรมเดียว
  • สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้ตามต้องการ
พจนานุกรมด้านภาษาของ ศ.ดร. วิทย์นี้ เป็นพจนานุกรมที่บรรจุคำศัพท์ ความหมายพร้อมตัวอย่างประโยคมากที่สุดของประเทศ พจนานุกรมด้านภาษาในแพ็คนี้มีคำศัพท์ประมาณ 400,000 คำ รวม 12 เล่ม ดังนี้
  1. พจนานุกรมอังกฤษ-ไทย (ฉบับกระเป๋า)
  2. พจนานุกรมไทย-อังกฤษ (ฉบับกระเป๋า)
  3. พจนานุกรมไทย-ไทย (ฉบับกระเป๋า)
  4. พจนานุกรมอังกฤษ-ไทย (ฉบับตั้งโต๊ะ)
  5. พจนานุกรมไทย-อังกฤษ (ฉบับตั้งโต๊ะ)
  6. พจนานุกรมไทย-ไทย  (ฉบับตั้งโต๊ะ)
  7. พจนานุกรมอังกฤษ-ไทย (ฉบับห้องสมุด)
  8. พจนานุกรมไทย-อังกฤษ  (ฉบับห้องสมุด)
  9. พจนานุกรมไทย-ไทย  (ฉบับห้องสมุด)
  10. พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ-ไทย
  11. พจนานุกรมสุภาษิต
  12. พจนานุกรมศัพท์ Toefl, GRE, MBA, GMAT
CN Discovery Talking Dictionary
รวมถึง ตัวอย่างที่น่าสนใจ นอกเหนือจาก พจนานุกรม อังกฤษ ไทย หรือ ไทยอังกฤษ ที่จุคำศัพท์และความหมายพร้อมตัวอย่างมากที่สุดของประเทศแล้ว ยังมีพจนานุกรมสำนวนและวลี พจนานุกรม Toefl, GRE, MBA, GMAT และพจนานุกรม อังกฤษ อังกฤษ ไทย (แปล ศัพท์ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาอังกฤษ และตามด้วยภาษาไทย)
CN Discovery Talking Dictionary ฉบับ Dr. Wit Encyclopedia Dictionary
“โปรแกรมพจนานุกรมพูดได้ CN Discovery Talking Dictionary เป็นโปรแกรมพจนานุกรมฉบับแรกบนพ็อกเก็ตพีซี ที่ออกเสียงคำศัพท์ได้ เป็นโปรแกรมพจนานุกรมบนวินโดวส์โมบายมีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นพจนานุกรมฉบับแรกบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาและโทรศัพท์มือถือ โดยนำเอาฐานข้อมูลของ ศ.ดร. วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม ที่จุคำศัพท์ ความหมายพร้อมตัวอย่างประโยค มากที่สุดของประเทศมาลงในพีดีเอโฟน จึงทำให้ผู้ใช้งานเครื่องพีดีเอโฟนวันนี้ สามารถใช้งานเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการงาน”
พจนานุกรม อังกฤษ- ไทย , ไทย- อังกฤษ , ไทย-ไทย
มีหลายฉบับให้เลือกคือ ฉบับกระเป๋า (ขนาดเล็ก) ฉบับตั้งโต๊ะ (ขนาดกลาง) และ ฉบับห้องสมุด (ขนาดใหญ่) ที่ได้บรรจุคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคำไทยทั้งดั้งเดิมทั้งเก่าและใหม่ เป็นพจนานุกรมที่จุคำศัพท์และความหมายพร้อมตัวอย่างประโยคมากที่สุดของประเทศ
CN Discovery Talking Dictionary
พจนานุกรม อังกฤษ-อังกฤษ-ไทย (English-English-Thai Dictionary)
เป็นพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ-ไทย ฉบับแรกและฉบับเดียวเท่านั้นของประเทศไทย ได้รับความนิยมมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรู้ความหมายของศัพท์ต่างๆที่มีความหมายทั้งอังกฤษและไทยในขณะเดียวกันในเล่มเดียวกัน
CN Discovery Talking Dictionary
พจนานุกรมศัพท์ Toefl, GRE, MBA, GMAT
เป็นพจนานุกรมที่รวบรวมเอาศัพท์ข้อสอบต่างๆ ของหน่วยทดสอบความสามารถของสถาบันต่างๆ ที่สำคัญไว้อย่างละเอียด และรวมทั้งศัพท์ที่น่าจะอยู่ในข้อสอบเหล่านี้ด้วย
CN Discovery Talking Dictionary
พจนานุกรมสำนวนและวลี (Idiom and Phrases Dictionary)
พจนานุกรมฉบับนี้ได้บรรจุสำนวนและวลี อังกฤษ สำนวนและวลี อเมริกันนั้น มีอยู่มากมาย สำนวนเหล่านั้น นับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากของภาษาอังกฤษและอเมริกัน  ความเข้าใจในสำนวนเหล่านี้จะช่วยในการเรียนรู้ และเข้าใจภาษาอังกฤษและอเมริกันได้ลึกซึ้ง ศ.ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม ผู้รวบรวมเรียบเรียงสำนวนทั้งหมด ได้อธิบายความหมายเป็นภาษาไทยจากต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษและอเมริกันจากหนังสือหลายๆ เล่มพจนานุกรมนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับ นักเรียน นักศึกษา ผู้สนใจ และผู้มีใจรักในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
CN Discovery Talking Dictionary

วันนี้ขอนำเหนอ ทัวร์ไทย ไปภูเก็ต

เดินเที่ยวเมืองภูเก็ต

ภูเก็ต ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกอันดามัน ที่มีฝรั่งต่างชาติมาเที่ยวพักผ่อนกับหาดสวยน้ำทะเลใสกันครึกครื้น จนคนไทยเองรู้สึกว่าเมืองนี้ค่าครองชีพสูงกว่าชายหาดแห่งอื่น ๆ  แต่ที่จริงแล้วเที่ยวภูเก็ตแบบประหยัดก็เป็นไปได้  อย่างการเดินเที่ยวเล่นชมเมืองเก่าที่มีตึกสไตล์ชิโน-โปรตุกีสสวย ๆ   แวะชิมอาหารอร่อยเด็ด แล้วค่อยนั่งสองแถวออกไปเล่นน้ำตามหาด ก่อนจะย้อนกลับมาพักในตัวเมือง
หรือถ้าอยากไปเที่ยวเล่นน้ำดูปะการังตามเกาะ อย่างเกาะเฮ เกาะไข่ เกาะราชา เกาะพีพี ฯลฯ  ก็มีทัวร์ให้เลือกซื้อ  มีรถมารับส่งจากโรงแรมที่พักกับท่าเรือเรียบร้อย




เล่าถึงที่เที่ยวเมืองเหนือกันมาหลายแห่ง ทริปนี้พาลงใต้กันบ้าง
เดิมทีภูเก็ตออกจะอยู่นอกสายตาที่เอามารีวิวฝากกัน  ด้วยความที่เคยคิดว่าภูเก็ตอยู่ค่อนข้างไกล ที่สำคัญค่าอยู่ค่ากินที่นั่นก็ร่ำลือกันว่าแพงเหลือใจ  แต่ก็พอดีที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์สเขามีเกมบน Facebook ให้เล่น แล้วก็โชคดีได้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับ ให้เลือกบินไปที่ไหนก็ได้สำหรับเที่ยวบินในประเทศ
พอดูจังหวัดที่บางกอกแอร์เวย์สบินไปแล้ว  ก็มี "ภูเก็ต" นี่ล่ะที่เรียกได้ว่ายังไม่เคยไป ว่าแล้วก็เลือกใช้สิทธิ์กับเที่ยวบินไปกลับภูเก็ต





ไปมาแล้วก็พบว่าถึงภูเก็ตจะแพงจริงดังว่า แต่ที่รู้เพิ่มขึ้นมาก็คือ เที่ยวภูเก็ตแบบประหยัดก็เป็นไปได้ง่าย ๆ และสนุกไม่แพ้ที่ไหน
อย่างการเลือกนอนโรงแรมในตัวเมือง  แล้วค่อยนั่งรถสองแถวประจำทางที่มีวิ่งไปทุกหาดในราคาที่ไม่แพง ที่สำคัญเป็นราคาตายตัวแน่นอนไม่ต้องกลัวถูกโก่งราคา  ในเมืองยังมีย่านตึกเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกีส  แถมด้วยร้านอาหารเจ้าเด็ดที่คนท้องถิ่นเขากินกันปกติให้เลือกชมเลือกชิมในระยะที่เดินถึงกันได้หมด
ว่าแล้วก็เลยเอาบรรยากาศกับข้อมูลที่กินที่เที่ยวของภูเก็ตมาฝากกัน   อาจไม่ค่อยมีมุมทะเลเพราะเน้นที่เที่ยวในเมืองกันมากหน่อย  เหมาะสำหรับใครที่เลือกมาเดินเที่ยวเล่นและพักในตัวเมือง  แล้วก็อาจจะนั่งสองแถวออกไปเที่ยวตามหาดบ้าง
แต่ก็มีที่เที่ยวกับร้านอาหารทะเลดัง ๆ ที่ต้องออกนอกเมืองไปหน่อย เหมาะสำหรับคนที่เช่ารถขับเที่ยวแถมให้ด้วย
เผื่อจังหวะไหนมีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคายวนใจ จะได้ไม่รีรอที่จะคว้าไว้แล้วบินไปเที่ยวภูเก็ต ก่อนจะถูกเพื่อนฝรั่งถามตาโตว่า ฮ้า!! ยูยังไม่เคยไปภูเก็ตเลยเหรอ  ที่นั่นสวยมากกกกก
ส่วนที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ที่เล่าถึงอยู่ตรงไหน  คลิกดูจาก แผนที่ภูเก็ต





ทำเว็บเช็คอินมาเรียบร้อย  ก็เลยมีเวลาเหลือสบาย ๆ ก่อนเวลาเครื่องออก  ว่าแล้วก็ดิ่งไปที่ห้องรับรองของบางกอกแอร์เวย์สกันเลย





เพราะห้องรับรองหรือที่เรียกว่า เลาจน์ ของบางกอกแอร์เวย์ส เขาเปิดให้ผู้โดยสารทุกชั้นเข้าไปใช้บริการได้ เพียงแค่โชว์ Boarding Pass ที่หน้าทางเข้ากับเจ้าหน้าที่
เก้าอี้ที่จัดไว้จะมีโต๊ะเล็ก ๆ เคียงไว้อยู่ทุกตัว





เพื่อให้ผู้โดยสารไปตักของว่างมานั่งหม่ำกันได้สะดวก ๆ





ถึงจะเลือกบินไฟล์ทเช้าสุดไปภูเก็ต แต่ท้องก็อิ่มสบายก่อนขึ้นเครื่อง
ระหว่างนั้นใครจะเอาโน้ตบุค สมาร์ทโฟนมาเปิดใช้  เขาก็มี wi-fi ให้ใช้ฟรีด้วย  ขอรหัสผ่านได้จากเจ้าหน้าที่ประจำเลาจน์ได้เลย
ด้วยความที่กลัวจะกินเพลินเกินเวลาจนตกเครื่องบิน  เลยไปถามย้ำกับเจ้าหน้าที่ให้แน่ใจว่าควรจะย้ายไปนั่งรอที่หน้าเกทสักตอนไหนดี  เจ้าหน้าที่ก็ส่งยิ้มหวานแล้วบอกว่า "ถึงเวลา เดี๋ยวมีประกาศให้ทราบค่ะ"
ราว 30 นาทีก่อนถึงเวลาเครื่องออก เขาก็มีประกาศให้ไปเตรียมตัวขึ้นเครื่องที่เกทได้แล้ว  เรียกว่าได้ยินประกาศแล้วยังพอมีเวลาไปเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยอีกนิดก่อนไปต่อแถวขึ้นเครื่อง





นั่ง (ที่จริงยืน) รถบัสไปขึ้นเครื่อง





วันนี้ได้นั่ง "กระบี่" บินไปภูเก็ต  ส่วนผู้โดยสารก็เกือบเต็มลำ ดู ๆ แล้วเป็นชาวต่างชาติน่าจะเกิน 90%  เห็นแล้วก็ดีใจแทนคนภูเก็ตที่มีคนไปเที่ยวกันเยอะแบบนี้





ขึ้นเครื่องมาก็หม่ำกันต่อ





ขนมปังไส้เผือกกับโยเกิร์ต
ได้ยินว่าตอนนี้บางกอกแอร์เวยส์เขาเปลี่ยนกลับมาเสิร์ฟอาหารเป็นถาดแบบครบเครื่องแล้ว





ลงเครื่องมาก็ยิ้มหวาน  ภูเก็ตต้อนรับด้วยภาพน้ำนองเจิ่งสนามบิน
งานนี้มีเปียกแน่ ๆ
นี่ขนาดเลือกมาช่วงไฮซีซั่นกะว่าต้องได้เจอแดดใสฟ้าสวยแล้วเชียว   แต่ก็มาเจอพายุกำลังเข้าที่สตูลอยู่พอดี  ภูเก็ตก็เลยถูกหางพายุเข้าไปด้วย  ไม่เป็นไรดูพยากรณ์อากาศมาก่อนเลยมีร่มพร้อมอยู่ในกระเป๋า





แวะไปคว้าแผนที่ฟรีติดมือ  ยืนรออีกแค่อึดใจเดียว กระเป๋าก็ออกมาแล้ว





รับกระเป๋าแล้วเดินออกประตูมา  เจอเคาน์เตอร์บริษัททัวร์และโรงแรมเรียงราย   รวมทั้งบริการรถเข้าเมืองและเคาน์เตอร์รถเช่าของ Avis





แต่ถ้าเป็นเคาน์เตอร์รถเช่าเจ้าอื่น  ต้องเดินออกประตูอีกชั้นมาก่อน  แล้วเลี้ยวมาทางขวาสุดเลย
โซนนี้จะเป็นส่วนที่คนที่มารอรับจะมารอกันด้วย





เดินถัดออกไปก็จะเป็นลานด้านนอกที่อยู่หน้าอาคารผู้โดยสาร
นอกจากเคาน์เตอร์ด้านในแล้ว ตรงนี้ก็มีบริการรถรับส่งเข้าเมือง จะมีคนมายืนชวนให้ใช้บริการกันคึกคัก





ถ้าเลือกใช้บริการ ก็จะมาจ่ายเงินรับตั๋วรถกันตรงเคาน์เตอร์
เข้าใจว่ารถตรงนี้จะเป็นของบริษัทที่ได้รับสัมปทานอยู่ 2 เจ้า คือ บ.ภูเก็ต ไม้ขาว สาคู  กับ สหกรณ์บริการรถยนต์บริการธุรกิจภูเก็ต





มีให้เลือกว่าจะเป็นรถตู้ หรือ รถเก๋ง
ถ้าเป็นรถตู้ก็ต้องรอให้คนเต็มก่อนจะออกรถ  แล้วก็จะขับไปส่งให้ถึงโรงแรมที่พักเลย  แต่อาจจะต้องเสียเวลาหน่อยตอนที่รถตระเวนส่งผู้โดยสารคนอื่น  ค่าบริการถ้าไปตัวเมืองภูเก็ต คนละ 100 บาท   หาดป่าตอง 150 บาท หาดกะตะ/กะรน 180 บาท
ส่วนรถเก๋งลีมูซีน  เข้าเมือง 500 บาท หาดป่าตอง 650 บาท  หาดกะตะ/กะรน 750 บาท  สนนราคาน่าจะเท่ากันกับเคานเตอร์ด้านใน   ถ้ามากันหลายคนหาร ๆ กันแล้วอาจจะแพงกว่ารถตู้ไม่มาก แล้วก็ได้นั่งตรงไปโรงแรมที่พักเลย
ส่วนขากลับ  ลองถามดูจากเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ว่า มีคิวรถตู้ให้ขึ้นกลับมาที่สนามบินอยู่ที่ไหนยังไงบ้าง  เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มี จะมีเป็นแบบเหมาเท่านั้น





อีกทางเลือกคือบริการ แท็กซี่มิเตอร์  เดินออกมาแล้วเลี้ยวมาสุดอาคารทางขวามือ  (ที่จริงอาคารไม่ได้ใหญ่อะไร เดินมาหน่อยเดียวก็เจอแล้ว)





ค่ารถคิดตามมิเตอร์ บวกค่าธรรมเนียมหรือเซอร์ชาร์จอีก 100 บาท
ลองไปค้นดูอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ภูเก็ต เห็นว่าอัตราจะเป็น 2 กม.แรก 50 บาท  ระยะต่อไป 7 บาทต่อ กม. (ช่วง 2-22 กม.) และ 6 บาทต่อ กม. (ช่วงที่เกิน 23 กม.ไป)
เพราะงั้นถ้านั่งเข้ามาตัวเมืองภูเก็ต ระยะทางราว 32 กม. ค่ารถจะตก 260 +100 (เซอร์ชาร์จ)  คิดเป็นเลขกลม ๆ ก็น่าจะตกราว 400 บาท  ถูกกว่ารถลีมูซีนนิดหน่อย





ส่วนวิธีเดินทางเข้าเมืองที่ประหยัดสตางค์ในกระเป๋าที่สุดต้องมาขึ้น Airport Bus กัน





เดินออกมาด้านหน้าอาคารแล้วก็เลี้ยวมาซ้ายมือสุดเลย  จะเห็นป้าย Airport Bus สีส้มตัวโต ๆ ให้สังเกต
ส่วนรถคือคันที่จอดอยู่ทางซ้ายมือ





จากสนามบินมีรถออกเที่ยวแรกตั้งแต่ 6.45 น. เรื่อยไปจนถึง 20.45 น.  แต่ละเที่ยวจะออกถี่ห่างไม่เท่ากัน แต่นานที่สุดก็ไม่เกิน ชั่วโมงครึ่ง  ยกเว้นวันหยุดจะไม่มีเที่ยวเช้าสุดตอน 6.45 น.  ไปเริ่มวิ่งอีกทีก็ตอน 9 โมงเช้าเลย
รถจะใช้เวลาเดินทางราว 1 ชม. ไปถึง บขส.ภูเก็ต ที่เป็นปลายทาง  ระหว่างทางมีจอดรับส่งคนตามจุดใหญ่ ๆ มีคนภูเก็ตเองขึ้นลงใช้กันเหมือนเป็นรถเมล์ติดแอร์
ใครจะลงระหว่างทางตรงไหนที่ใกล้โรงแรมที่พักก็บอกคนรถให้จอดส่งได้
ดูข้อมูลและตารางเดินรถ  คลิก www.airportbusphuket.com





โฉมหน้าของ Airport Bus  ที่เดี๋ยวจะลองนั่งเข้าเมืองดู





บนรถ





รวม ๆ คือ เป็น Airport Bus ที่ไม่ได้จัดที่วางกระเป๋าเดินทางโดยเฉพาะ แต่ถ้าเป็นกระเป๋าหรือเป้ใบไม่ใหญ่นักก็พอจะหาที่วางไว้ได้  แต่ถ้าเป็นกระเป๋าใบใหญ่ ๆ คงไม่สะดวก





แต่ถ้าเป็นรถอีกแบบที่ไปเจอที่ บขส.ภูเก็ต จะเป็นรถคันใหญ่มีที่วางกระเป๋าใต้ท้องรถ
ถ้ามีกระเป๋าเดินทางใบโตมาด้วย  มาแล้วจะได้เจอคันไหนคงต้องลุ้นเอาหน่อย





ค่ารถคิดตามระยะทาง ถ้านั่งมาลงในตัวเมืองก็ 85 บาท

พอรถออก  รถจะวิ่งวนขึ้นไปชั้นขาเข้า ไปแวะรับคนตรงป้ายหน้าร้าน Burger King ก่อน  แล้วถึงจะวิ่งออกจากสนามบินไป  พอวิ่งออกจากสนามบินไปสักพักเจ้าหน้าที่ถึงจะมาเดินเก็บค่าโดยสาร พร้อมกับถามด้วยว่าเราจะลงที่ไหน
เรียกว่าไม่คุ้นทางก็อุ่นใจได้ พอใกล้ ๆ ถึงที่หมายเจ้าหน้าที่บนรถจะมาบอกให้เตรียมตัวลง





จะว่าไปแล้ว จากสนามบินเข้ามาที่ตัวเมืองภูเก็ต นั่งรถตู้เข้ามาจะเหมาะกว่า  แพงกว่ากัน 15 บาทแต่รถตู้จะวิ่งไปส่งให้ถึงโรงแรมที่พักเลย  ส่วนขากลับถ้าไม่อยากเสียค่าเหมารถแพงค่อยมานั่งรถ Airport Bus ไปสนามบิน
ท่ารถของ Airport Bus ในตัวเมืองจะอยู่ใน  บขส.ภูเก็ต





เดินเข้ามาด้านในสถานี  รถจะจอดอยู่มุมด้านในสุดทางซ้ายมือ   มีเก้าอี้ง่าย ๆ ให้นั่งรอใต้ร่มไม้  บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติดี
แต่ก็อดนินทาในใจไม่ได้ว่า นี่คือท่าจอดรถ Airport Bus ของเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับโลกหรือนี่ !!!
มุมน่ารักก็มีเหมือนกัน อย่างตอนที่รถทัวร์วิ่งเข้ามาจอดเห็นคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างกรูกันไปรอรับคนที่มากับรถทัวร์  คิดในใจว่า เอาล่ะว้า คงวุ่นวายแย่งลูกค้ากันน่าดู
แต่ที่ไหนได้คนขับมอเตอร์ไซค์วินวิ่งไปยืนตั้งแถวเรียงหนึ่งเรียบร้อย  พอคนบนรถทัวร์คนแรกลงมาปุ๊บ คิวแรกก็ประกบ  คิวต่อ ๆ มาก็ทยอยประกบคนที่ลงรถมาเรียงกันไป  แล้วถ้าไม่ได้ใช้บริการ เขาก็ไม่ได้ไล่ตื้ออะไร
เรียกว่าเป็นรายการวัดดวงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่กระตือรือร้นของวินมอเตอร์ไซค์ที่ บขส.ภูเก็ต  ว่าจะได้ผู้โดยสารไหม





จาก บขส.ภูเก็ต มีรถออกไปสนามบิน  ตั้งแต่ 5.30 - 18.30 น.





มาถึงภูเก็ตแล้วต้องไปเที่ยวย่านเมืองเก่ากัน  จะมีตึกเก่าสไตล์ที่เรียกว่า ชิโน-โปรตุกีส ให้เดินชม
ชิโน หรือ Sino หมายถึง จีน  ส่วนโปรตุกีสคงไม่ต้องแปล  สองคำนี้เอามารวมกันก็หมายถึงรูปแบบที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตก  เรียกว่าเป็น East meet West ที่กลมกล่อมลงตัวสวยงาม





บรรยากาศบนถนนถลาง ถนนสายหนึ่งที่มีตึกเก่าเรียงราย





ตึกแถวสไตล์ชิโน-โปรตุกีสในภูเก็ต สร้างกันมาในช่วงรัชกาลที่ 5 -7 ด้วยอิทธิพลที่ได้รับมาจากทางปีนัง
วันเวลาผ่านไปบางส่วนก็ถูกปรับเปลี่ยนไป เหลือแต่ร่องรอยตึกเก่าทิ้งไว้ให้เห็น





แต่ก็มีอีกมากที่ยังได้รับการดูแลรักษาไว้อย่างดี





เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของตึกแถวสไตล์นี้ก็คือ ทางเท้าด้านหน้าจะทำหลังคาคลุมไว้   ที่เรียกเป็นภาษาจีนว่า "หงอคาขี่" ส่วนฝรั่งเขาเรียก "อาเขต"
แต่ไม่ว่าจะเรียกแบบไหน ก็ทำให้คนใช้ทางเดินได้สะดวกไม่โดนแดดโดนฝน





แต่อาจเพราะคนสมัยนี้เลิกเดิน หันไปใช้รถกันหมด  หงอคาขี่วันนี้ก็เปลี่ยนหน้าที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทน





phuket_map
หาข้อมูลก่อนจะมา เขาบอกว่าให้มาเดินที่ ถนนเยาวราช, ดีบุก, กระบี่, ถลาง, พังงา, รัษฎา, ภูเก็ต
แต่แค่จำชื่อถนนก็ทำเอามึน  แล้วถนนที่ว่าอยู่ตรงไหนบ้างก็ไม่รู้  ไปจนถึงร้านอาหารแนะนำที่กระจายอยู่ตรงนั้นตรงนี้ จนจำไม่หวาดไม่ไหว
ว่าแล้วก็ขอเล่าเรื่องเที่ยวย่านเมืองเก่าของภูเก็ต แบบแบ่งเป็น 2 โซนก็แล้วกัน
อย่างที่เห็นในรูปที่แบ่งเป็น ฝั่งตะวันตก กับ ฝั่งตะวันออก  มีถนนเยาวราชคั่นอยู่ตรงกลาง   ตอนมาเที่ยวกันจะได้พอนึกภาพออกได้ง่ายขึ้น
ว่าแต่อย่าไปถามใครเชียวว่า เมืองเก่าฝั่งตะวันตกอยู่ตรงไหน  งานนี้ ThaiWeekender เป็นคนแบ่งเอง





มาเริ่มกันทางโซนฝั่งตะวันตกก่อน
ถ้าลองย้อนกลับไปดูในแผนที่  ตรงมุมบนซ้ายมีหมุดสีเขียวปักอยู่คู่กัน (ตรง ถ.ดีบุก ตัดกับ ถ.สตูล)  จะเป็น "อั่งม้อหลาว" ของหลวงอำนาจนรารักษ์
อั่งม้อหลาว เป็นคำภาษาจีน  อั่งม้อ คือ ฝรั่ง  ส่วน หลาว หมายถึงตึกคอนกรีต  ความหมายของคำนี้ก็คือ คฤหาสน์แบบฝรั่ง ที่นายเหมืองภูเก็ตนิยมสร้างเป็นที่พักในยุคที่ภูเก็ตกำลังเฟื่องฟูจากธุรกิจทำเหมืองดีบุก





ลวดลายปูนปั้นบนบ้าน ที่ผสมกันระหว่างศิลปะจีนกับตะวันตก  อย่างเสาแบบโรมันที่มีลายค้างคาวแบบจีนเข้าไปผสมอย่างกลมกลืน





หลวงอำนาจนรารักษ์  มีความสำคัญในประวัติศาสตร์เมืองภูเก็ตอย่างมากเพราะ เป็นผู้ริริ่มให้เกิดเทศกาลกินเจ หรือ คนภูเก็ตจะเรียกว่าเทศกาลกินผักขึ้น
เดิมท่านเป็นคนจีนฮกเกี้ยน ที่เข้ามาอยู่ที่ภูเก็ตตั้งแต่ยังหนุ่ม แล้วก็ก่อร่างสร้างตัวจนร่ำรวยเป็นเศรษฐีจากการทำเหมืองแร่ดีบุก  และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ท่านเป็นคนดีมีคุณธรรม จนได้รับยกย่องให้ให้ดูแลปกครองคนจีนที่มาอยู่ที่ อ.กระทู้  แล้วก็มาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็นหลวงอำนาจนรารักษ์ จากรัชกาลที่ 6   กับได้รับพระราชทานนามสกุล "ตัณฑเวทย์"





ตัวบ้านตอนนี้เข้าใจว่าจะให้คนเช่าใช้  เพราะเห็นมีรถขนถังแก๊สจอดกันอยู่หลายคัน  จด ๆ จ้อง ๆ ไม่กล้าลุยเข้าไปใกล้ตัวบ้าน   มุมด้านข้างเลยอาศัยเข้ามาที่สุดซอยสุ่นอุทิศ มาชะเง้อชมตึกหลังงามจากตรงนี้แทน





มาชม "เตี้ยมฉู่" บ้าง  เตี้ยมฉู่ ก็คือตึกแถวแบบนี้ล่ะ
ถ้าหันหน้าเข้าหาอั่วม้อหลาวของหลวงอำนาจนรารักษ์ เดินต่อมาทางซ้ายนิดนึง จะมี เตี้ยมฉู่ สวยเด่นชนิดห้ามพลาด ให้มาชมกันหลายหลังติด ๆ กัน





ตอนเดินผ่านมาทีแรก ยังไม่ได้ควักโพยข้อมูลที่เตรียมมาออกดูก็รู้แล้วว่าที่นี่ไม่ธรรมดา
ก็เพราะความที่เป็นเตี่ยมฉู่ของนายเหมืองที่มั่งคั่ง  เลยมีการตกแต่งประดับประดาบ้านกันสวยงามอย่างที่เห็น แล้วก็ยังรักษาเอาไว้ในสภาพดีเลย





สวยจนตอนค่ำยังต้องแวะมาอีกรอบ





เสียแต่เขามีรั้วกั้นไว้อยู่  ไม่งั้นคงมีคนไปโพสต์ท่าถ่ายรูปกันแน่น





ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม มีร้านขนมเก่าแก่ชื่อ "อาตั๊กแก"





คนไม่เคยกินขนมแบบจีน ๆ ไม่รู้จะลองชิมอะไรดี  แนะนำให้ลอง "ขนมหน้าแตก" ที่จะคล้าย ๆ กับคุ้กกี้ เรียกว่ารสชาติน่าจะคุ้นลิ้นกันดี  แล้วยังเป็นขนมเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่ภูเก็ตนี่ด้วย





สังเกตไหมว่าถ่ายรูปร้านชนมกับขนมที่วางขายคนละเวลา  ก็เลยจะเล่าด้วยว่ามีโอกาสลองมาเดินย่านเมืองเก่าช่วงโพล้เพล้แบบนี้ก็สวยดี





ตามถนนหนทางเขาเปิดไฟไว้สว่างไสว  ได้บรรยากาศไปอีกแบบ